เป็นโชคดีของผมที่เมื่อคืน ผมไม่ได้ดื่มหนัก จึงทำให้ออกมาสูดอากาศตอนเช้า และนอนพักเพื่อเก็บแรงและตามเพื่อนๆ ไปจาริกบุญต่อโดยในครั้งนี้จะเป็นที่ไหนไม่ได้เลยนอกจาก "เทพทันใจ" และ "พระมหาธาตุเจดีย์ชเวดากอง"
ไกด์บอกว่าเทพทันใจ หรือ นัตโบโบยี เป็นเทพศักดิ์สิทธิ์ สามารถขอพรได้ดังใจหมาย ซึ่งชาวชาวพม่า รวมถึงชาวไทยนิยมไปกราบไหว้บูชา ด้วยที่เชื่อว่าเมื่ออธิษฐานสิ่งใดแล้วจะสมปรารถนาทันใจ โดยเครื่องสักการะก็จะมีมะพร้าวและกล้วยหอม (เราสามารถหาซื้อได้ที่บริเวณวัดดังกล่าว สนนราคาชุดละ 120 และ ราคา 300 บาท ลูกมะพร้าวจะเป็นสีทอง) พร้อมทั้งนำเงินพม่ากับเงินไทยมามวนๆ กันเป็นคล้ายๆ รูปกรวย เมื่อไปถึงองค์เทพทันใจ ก็ให้ท่านเอาชุดสักการะวางไว้ และเอาเงินที่มวนไว้นั้นเสียบไปที่ระหว่างนิ้วมือของเทพทันใจ และเอาหน้าผากไปแตะพร้อมทั้งอธิษฐานขอพรที่ท่านประสงค์ (ดูจากรูป) ซึ่งในทีมงานของเราชุดนี้ทุกคนตั้งใจกันมาก (นัยว่าอยากจะสมหวังกระมัง ^^)
เรามีเวลากันสักครู่ก่อนไปทานข้าวกลางวัน ทีมงานได้มีโอกาสขับรถไปแวะพักที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิของประเทศพม่า รวมถึงบริเวณใกล้เคียงนั้นเป็นตำแหน่งที่มีสัญลักษณ์ของศาสนาต่างๆ ตั้งอยู่โดยรอบ ซึ่งเป็นการสะท้อนให้เห็นว่า พม่าก็เป็นประเทศที่มีศาสนาให้เคารพเชื่อถือเหมือนกันไม่ว่าจะเป็น พุทธ, อิสาม หรือแม้แต่คริสต์ ก็ตามที
หลังจากทานกลางวันเสร็จพวกเราก็ไปต่อที่ "ตลาดสก๊อต" เพื่อให้เราได้เลือกซื้อสินค้าและของฝาก ซึ่งที่ดังๆ ก็จะมีทั้งแป้งทานาคา, ขนมตุ๊บตั๊บ, กาแฟรสเลิศ, เครื่องประดับหยก (ที่พม่านั้น ถือเป็นแหล่งที่มีหยกที่ดีที่สุดในโลกประเทศหนึ่งเลยทีเดียว)
ในช่วงบ่ายของวันพวกเราเดินทางกันไปต่อที่ พระบรมธาตุชเวดากองพระมหาเจดีย์ทองคำ ที่งดงามตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่ใจ กลางเมืองย่างกุ้ง ที่ต้องบอกว่าอลังการและศักดิ์สิทธิ์เป็นอย่างมาก เรารู้สึกถึงมนต์ขลังตั้งแต่เดินเท้าเข้าผ่านหน้าประตูทางเข้าเจดีย์
ซึ่งในทริปของเอปสันครั้งนี้ ต้องจัดว่าเป็นทริปครั้งประวัติศาสตร์เลยก็ว่าได้ เพราะได้มีการจัดเตรียมการสำคัญทางพุทธศาสนา โดยเป็นการห่มผ้าไตรให้กับ Chanthagyi Buddha Image (พระเศรษฐี) พระที่ศักดิ์คู่บ้านคู่เมืองกับประเทศพม่าเลยก็ว่าได้ ซึ่งเมื่อดำเนินการพิธีทางศาสนาเสร็จแล้วไกด์พม่า ก็ปล่อยให้ทุกคนไปทำบุญวันเกิดโดยรอบของพระเจดีย์ชเวดากองกันต่อไป เมื่อจบจากการสักการะบูชาพระธาตุเจดีย์ชเวดากองเสร็จสิ้นแล้ว เราได้นัดหมายทานข้าวเย็น และเตรียมตัวเพื่อที่จะเดินทางกลับกรุงเทพฯ กันต่อไป
การเดินทางในครั้งนี้ต้องขอบคุณบริษัท เอปสัน (ประเทศไทย) จำกัด เป็นอย่างมากที่ได้จัดเตรียมทุกอย่างพร้อมสรรพ รวมทั้งทีมงานพีอาร์พีเดียที่ดูแลทีมงานสื่อมวลชนเป็นอย่างดี ต้องขอบคุณมา ณ ที่นี้ด้วย
หมายเหตุ : คลิก อ่านตอนที่ 1 และตอนที่ 2
ข้อมูลเพิ่มเติม
ประเทศพม่า (อังกฤษ: Burma หรือ Myanmar) มีชื่ออย่างเป็นทางการว่า สาธารณรัฐแห่งสหภาพพม่า (อังกฤษ: Republic of the Union of Myanmar( ปี่เด่าง์ซุ ซัมมะดะ มยะหม่า ไหน่หงั่นด่อ) เป็นประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และคาบสมุทรอินโดจีนซึ่งมีขนาดใหญ่ที่สุด มีพรมแดนทางทิศเหนือติดต่อกับจีน ทางทิศตะวันตกติดต่อกับอินเดียและบังกลาเทศ ทางทิศตะวันออกติดต่อกับลาวและไทยและทางทิศใต้จรดทะเลอันดามัน ยกเว้นทางฝั่งตะวันตกซึ่งอาจจรดมหาสมุทรอินเดีย แต่เดิมชาวตะวันตกเรียกประเทศนี้ว่า Burma จนกระทั่งเมื่อปี พ.ศ. 2532 พม่าได้เปลี่ยนชื่อประเทศเป็น Myanmar ชื่อใหม่นี้เป็นที่ยอมรับจากองค์การสหประชาชาติ ปัจจุบัน จำนวนประชากรประมาณ 50.51 ล้านคน ความหนาแน่นโดยเฉลี่ย 61 คน/ตารางกิโลเมตร พม่ามีประชากรหลายเชื้อชาติ จึงเกิดเป็นปัญหาชนกลุ่มน้อย มีชาติพันธุ์พม่า 63% ไทยใหญ่ 16% มอญ 5% ยะไข่ 5% กะเหรี่ยง 3.5% คะฉิ่น 3% ไทย 3% ชิน 1% สำหรับวัฒนธรรมของพม่าได้รับอิทธิพลทั้งจากจีน อินเดีย และไทยมาช้านาน ดังสะท้อนให้เห็นในด้านภาษา ดนตรี และอาหารสำหรับศิลปะของพม่านั้นได้รับอิทธิพลจากวรรณคดีและพระพุทธศาสนานิกายเถรวาทมาตั้งแต่ครั้งโบราณ ในปัจจุบันนี้วัฒนธรรมพม่ายังได้รับอิทธิพลจากตะวันตกมากขึ้น ซึ่งเห็นได้ชัดจากเขตชนบทของประเทศ ด้านการแต่งกาย ชาวพม่าทั้งหญิงและชายนิยมนุ่งโสร่ง เรียกว่า ลองยี ส่วนการแต่งกายแบบโบราณเรียกว่า ลุนตยาอชิก - พม่าบัญญัติให้ศาสนาพุทธเป็นศาสนาประจำชาติใน พ.ศ. 2517 เพราะมีผู้นับถือศาสนาพุทธ 92.3% ศาสนาคริสต์ 2% ศาสนาอิสลาม 4% ศาสนาฮินดู 1.7%
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น